Category Archives: ท่องเที่ยว

ไปสัมผัสธรรมชาติสวยๆที่ “ อุทยานแห่งชาติ คิงส์แคนยอน ”

หากคุณกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ในสหรัฐอเมริกา (United States of America) แต่มีเงื่อนไขเล็กๆ น้อยๆ ว่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนั้นต้องไม่ใช่เมืองใหญ่ ที่มีแต่ความวุ่นวายไปสัมผัสธรรมชาติสวยๆที่ “ อุทยานแห่งชาติ คิงส์แคนยอน ” (Kings Canyon National Park) อุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงและน่ามาเยือนมากแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกานั่นเอง โดยอุทยานนั้นตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของ เฟรสโนเคาน์ตี้ กับ ทูลาเรเคาน์ตี้ ของรัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ติดมหาสมุทรแปซิฟิก

อุทยานแห่งชาติ คิงส์แคนยอน เป็น อุทยานแห่งชาติที่มีลักษณะภูมิประเทศที่สวยงาม ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเทือกเขา เซียร์ราเนวาดา (Sierra Nevada) โดยอุทยานมีพื้นที่ประมาณ 461,901 เอเคอร์ โดยจุดที่โดดเด่นมากที่สุดของอุทยานแห่งชาติ คิงส์แคนยอน นั้นคงหนีไม่พ้น “หุบเขาแม่น้ำกษัตริย์” หรือ “หุบเขาคิงส์ริเวอร์” (Valley of the Kings River) ปัจจุบัน คิงส์แคนยอน ได้กลายเป็นหนึ่งในหุบเขาที่ลึกที่สุดในสหรัฐอเมริกา คือมีความลึก ประมาณ 8,200 ฟุต (2,500 เมตร)

สำหรับกิจกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนอุทยานแห่งชาติ คิงส์แคนยอน นั้นส่วนใหญ่จะเน้นไปที่กิจกรรมการเดินป่าชมธรรมชาติ ซึ่งมีทั้งระยะสั้นและระยะไกล กิจกรรมขี่ม้าที่ได้รับความนิยมมากในช่วงฤดูร้อน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์อันงดงามของหนึ่งในสถาน ที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ก่อนจะปิดท้ายด้วยการตั้งแคมป์นอนชมเสียงขับกล่อมจากธรรมชาติ และแสงดาวในยามค่ำคืน

จุดท่องเที่ยวหลักๆของอุทยานที่มาถึงแล้วต้อง ไม่พลาดไปเยือน โดยจุดหมายแรกที่อยากแนะนำคือ ซีดาร์ โกรฟ แอเรีย (Cedar Grove Area) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำกษัตริย์เป็นจุดที่มีภูมิประเทศคล้ายๆกับหุบเขา โยเซมิติ (Yosemite Valley) ต่อมาไม่พลาดไปชมความงดงามของน้ำตกคิงส์แคนยอน (Kings Canyon Waterfalls) อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยว ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนได้เป็นจำนวนมาก โดยช่วงเวลาที่น้ำตกจะสวยที่สุด คือ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง

สุดท้ายไม่พลาดไปชมความงดงามของ ถ้ำบอยเดน (Boyden Cavern) ถ้ำที่ตั้งอยู่ระหว่างแกรนท์ โกรฟ (Grant Grove) กับ ซีดาร์โกรฟ (Cedar Grove) เป็นถ้ำใต้ดินขนาดยักษ์ที่มีความหลากหลายทางธรณีวิทยา รวมไปถึงกลุ่มหินงอกหินย้อยที่เป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวถ้ำ โดยช่วงเวลาท่องเที่ยวนั้น เริ่มต้นขึ้นในวันศุกร์สุดท้ายของเดือนเมษายน ไปจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนของทุกๆ ปี

รูปแบบของการท่องเที่ยวแนวใหม่ที่แตกต่างจากอดีต

vietnam-tour-packages
มนุษย์เดินทางเพื่อการท่องเที่ยวด้วยความต้องการและเป้าหมายที่แตกต่างกันไป เช่น พักผ่อน ออกกำลังกาย/เล่นกีฬา เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรม ช้อปปิ้ง เป็นต้น ปัจจุบันการจัดการการท่องเที่ยวแนวใหม่ที่เป็นการท่องเที่ยวโดยไม่ทำลายสภาพแวดล้อมและเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนขึ้นมา เพื่อรองรับกับการท่องเที่ยวที่เจริญเติบโตขึ้น และช่วยบำรุงรักษาสภาพแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติอีกด้วย การท่องเที่ยวแบบยั่งยืนโดยไม่ทำลายสภาพแวดล้อมมีหลายรูปแบบ การเดินทางท่องเที่ยวในปัจจุบันเกิดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการการพักผ่อน รองลงมาคือการเดินทางด้วยภาวะจำเป็นเช่นการประกอบธุรกิจด้วยขอบเขตของภาระหน้าที่ร่วมกับการท่องเที่ยวในสถานที่ใกล้เคียงเหล่านั้น ระยะเวลาในการเดินทางท่องเที่ยวของบุคคลเหล่านี้ที่ได้จากข้อมูลการวิจัยพฤติกรรมการท่องเที่ยว จำนวนวันที่ใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวเฉลี่ยอยู่ที่ 3 วันขึ้นไป

รูปแบบในการจัดการอตุสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศไทยแบบเดิม คือ จะให้ความสำคัญของวิธีการจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จะเป็นทางออกอีกทางหนึ่งในการแก้ปัญหาการท่องเที่ยวซึ่งได้มีการรวบรวมปัญหาต่างๆ และวิธีการแก้ไขความเสื่อมโทรมของแหล่งท่องเที่ยว ปัญหาชุมชนท้องถิ่นที่ไม่ได้รับประโยชน์และไม่มีส่วนร่วมหรือปัญหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความไม่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เป็นไปตามขั้นตอนและกิจกรรมชนิดต่างๆให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด ในครั้งอดีตนั้นการจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนนี้จัดให้เป็นหลักการและได้นำไปใช้กับกิจกรรมเพื่อการดำเนินกิจการของสถานประกอบการและการจัดการโครงการต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวของกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

รูปแบบต่างๆของการท่องเที่ยวแนวใหม่

1. Atomic Tourism เป็นการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่โดยสถานที่ดังกล่าวมักเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของระเบิดนิวเคลียร์ เช่น การเยี่ยมชมพื้นที่เมืองฮิโรชิมา และนางาซากิ
2. Dark Tourism คือ การท่องเที่ยว ณ บริเวณที่เกี่ยวข้องกับการสังหารหรือพื้นที่เสี่ยงภัยซึ่งรวมไปถึงปราสาทและสนามรบ
3. Disaster Tourism คือ การท่องเที่ยวบริเวณที่เคยเกิดภัยพิบัติธรรมชาติ โดยการท่องเที่ยวในรูปแบบดังกล่าวอาจมีการช่วยเหลือผู้ประสบภัยร่วมด้วย
4. Extreme Tourism คือรูปแบบการท่องเที่ยวอีกรูปแบบหนึ่งที่เน้นการท่องเที่ยวในสถานที่อันตราย เช่น ภูเขา ป่า ทะเลทราย ถ้ำ หรือเหตุการณ์ที่อันตราย
5. Militarism heritage Tourism เป็นการท่องเที่ยวที่ให้ผู้สนใจได้มีโอกาสได้เยี่ยมชมเขตพื้นที่ทหาร ซึ่งเป็นเขตพื้นที่เฉพาะ
6. Space Tourism เป็นการท่องเที่ยวในสถานีอวกาศรวมถึงการเดินทางโดยยานอวกาศ ซึ่งการเดินทางรูปแบบดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก

เที่ยวเทศกาลแกะ รัฐไอดาโฮ ชมฝูงแกะอพยพต่างถิ่นกว่า 1,500 ตัว

57มลรัฐไอดาโฮมีเมืองหลวงของรัฐคือเมือง Boise ซึ่งเป็นเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจและเป็นที่ตั้งของบริษัทใหญ่หลายบริษัท เช่น Micron Technology Inc และ Hewlett-Packard เป็นต้น เมืองใหญ่รองลงมา ได้แก่ Idaho Falls ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ Idaho National Laboratory เมือง Nampa เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย Northwest Nazarene University เมือง Pocatello เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย Idaho State University และเมือง Meridian ซึ่งเป็นเมืองที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในไอดาโฮ

เทศกาลแกะ รัฐไอดาโฮ ตื่นตาไปกับฝูงแกะอพยพนับพันตัว พร้อมกิจกรรมมากมายสร้างสีสันในให้นักท่องเที่ยว ตามธรรมชาติของสัตว์นั้น เราจะเห็นได้ว่ามีสัตว์หลายชนิดต้องอพยพหาที่อยู่ใหม่เมื่อเปลี่ยนฤดูกาลเพื่อความอยู่รอดของมัน ซึ่งจากการบินอพยพของนกที่เราคุ้นเคยกันแล้ว รู้หรือไม่ว่ายังมีการอพยพของฝูงแกะด้วยเช่นกัน

เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ฝูงแกะที่ถูกเลี้ยงไว้ที่ปศุสัตว์ในรัฐไอดาโฮจะถูกต้อนให้ไปยังทุ่งหญ้าเขียวขจีทางตอนเหนือของรัฐ ผ่านเส้นทางหลายร้อยกิโลเมตรที่เป็นทั้งที่ราบ ภูเขา และแม่น้ำ และเมื่อมีการอพยพแกะในทุกปีจึงทำให้เกิด Sheep Festival หรือเทศกาลแกะในที่สุด และแน่นอนว่าเทศกาลดังกล่าวนั้นโด่งดังจนทำให้มันเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไอดาโฮ

สำหรับการต้อนฝูงแกะกว่า 1,500 ตัวให้ไปยังจุดหมายที่วางไว้นั้นก็ต้องใช้เวลาหลายวันด้วยกัน ระหว่างนี้จึงมีทั้งขบวนพาเหรด, การแสดงดนตรี, การเต้นรำ และการทำอาหารตามจุดต่าง ๆ โดยจุดซึ่งเป็นที่นิยมได้แก่ Bellevue, Hailey และ Ketchum เพราะเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยถนนหนทาง บ้านเรือน และประชากรมากมาย และแน่นอนว่าพวกเขาต่างยินดีที่ได้เห็นฝูงแกะจำนวนมากวิ่งผ่านหน้าบ้าน เพราะมันเป็นสัญญาณแห่งเทศกาลรื่นเริงนั่นเอง

เมื่อสิ้นสุดฤดูหนาวการเดินทางของฝูงแกะยังคงมีต่อไป โดยพวกมันจะถูกต้อนให้ไปยังอีกที่หนึ่งซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์กว่า และจะได้กลับมายังถิ่นเดิมอีกครั้งเมื่อถึงฤดูร้อน ทั้งนี้การอพยพฝูงแกะในไอดาโฮเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 1860 ซึ่งขณะนั้นมีจำนวนแกะเพียง 14,000 ภายในรัฐ ก่อนที่ต่อมาจำนวนแกะจะมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันซึ่งคาดว่ามีจำนวนแกะกว่า 2.65 ล้านตัว ภายในรัฐ และมันก็ได้กลายเป็นศูนย์กลางจำนวนประชากรแกะที่เยอะที่สุดเป็นอันดับสองรองจากซิดนีย์ในออสเตรเลียเท่านั้น

มลรัฐไอดาโฮมีเมืองหลวงของรัฐคือเมือง Boise ซึ่งเป็นเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจและเป็นที่ตั้งของบริษัทใหญ่หลายบริษัท

12

มลรัฐไอดาโฮถูกตั้งเป็นรัฐที่ 43 ของสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1890 ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐ พื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 14 ของประเทศ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา และเทือกเขาหิน ถูกล้อมด้วยรัฐต่างๆ 6 รัฐได้แก่ รัฐวอชิงตัน รัฐโอเรกอน รัฐเนวาดา รัฐยูทาห์ รัฐมนทานาและรัฐไวยมมิ่ง และมีพื้นที่ทางเหนือบางส่วน ติดกับชายแดนประเทศแคนาดา ที่เมือง British Columbia มีแม่น้ำสำคัญหลายสาย เช่น แม่น้ำ Snake River แม่น้ำ the Clark Fork หรือ Pend Oreille River แม่น้ำ Clearwater River แม่น้ำ Salmon River และแม่น้ำสายเล็กๆ อื่นๆ ไอดาโฮมีพอร์ตทางทะเลตั้งอยู่ที่เมือง Lewiston บริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำ Clearwater และ Snake River ซึ่งเป็นพอร์ตทางทะเลที่อยู่ไกลปากอ่าวที่สุด ไกลจากชายทะเลฝั่งตะวันตก ล่องตามแม่น้ำมาประมาณ 465 ไมล์โดยเรือสินค้าจะเดินทางผ่านเข้ามาจากโอเรกอน

มลรัฐไอดาโฮมีเมืองหลวงของรัฐคือเมือง Boise ซึ่งเป็นเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจและเป็นที่ตั้งของบริษัทใหญ่หลายบริษัท เช่น Micron Technology Inc และ Hewlett-Packard เป็นต้น เมืองใหญ่รองลงมา ได้แก่ Idaho Falls ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ Idaho National Laboratory เมือง Nampa เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย Northwest Nazarene University เมือง Pocatello เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย Idaho State University และเมือง Meridian ซึ่งเป็นเมืองที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในไอดาโฮ เมืองสำคัญอื่นๆ เช่น เมือง Lewiston ซึ่งเป็นเมืองท่าหลักในการขนส่งสินค้านำเข้าและส่งออกทางทะเล นอกจากนี้ยังมี เมืองท่องเที่ยวสำคัญเช่น Coeur d’Alene เป็น Hub ท่องเที่ยวของไอดาโฮ เมือง Sun Valley เป็นเมืองที่มีการท่องเที่ยวตลอดทั้งปีและมีการแข่งขันสกีระดับโลก เมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเล่นสกีอื่นๆ เช่น Sandpoint ที่บริเวณ Schweitzer Mountain Ski Resort และ Lake Pend Oreille เมือง Kellogg ที่ Silver Mountain Ski Resort เมือง Driggsที่ Grand Targhee เมือง Island Park ซึ่งเป็นแหล่ง snowmobiling และสถานที่จับปลาสำคัญ อุตสาหกรรมการผลิตสินค้าไฮเทค เป็นอุตสาหกรรมสำคัญเช่นการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ บริษัทที่สำคัญได้แก่ Hewlett-Packard สินค้าหลักที่ผลิตคือ Laser Printer บริษัท Micron Technology Inc ซึ่งเป็นบริษัทอเมริกันรายเดียวที่ผลิต dynamic random access memory ในอเมริกา และ Sun Microsystems ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเครือของ Oracle Corporation มีสองสำนักงานในเมือง Boise และมีคลังสินค้าที่เมือง Pocatello ทำรายได้ให้กับรัฐ มากกว่า 300 ล้านเหรียญในแต่ละปี

ไอดาโฮ เมืองในสหรัฐอเมริกาที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว


สหรัฐอเมริกาเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของโลก และเป็นอภิมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวของโลกในยุคปัจจุบันทั้งในด้านการทหารและเศรษฐกิจซึ่งรวมไปถึงในด้าน วิทยาศาสตร์ การศึกษา การกีฬา และบันเทิง ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศหนึ่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและมีอากาศที่หนาวเย็น จนทำให้บุคคลภายนอกประเทศนิยมไปเที่ยวกัน อีกทั้งยังเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีมากมาย เราก็จะมายกตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนนิยมไปกันเช่น
1. น้ำตกไนแองการ่า ประเทศสหรัฐอเมริกา และ ประเทศแคนาดา
สถานที่ตั้ง บริเวณทะเลสาบทั้ง 5 ระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา และ ประเทศแคนาดา
น้ำตกไนแองการ่าแหล่งท่องเที่ยวที่ลือลั่นสนั่นโลก และเป็นแหล่งที่ทำเงินให้กับแคนาดาและสหรัฐอเมริกาปีหนึ่ง ๆ นับจำนวนมหาศาล เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่เคยที่จะร้างห่างลาผู้คน ไม่ว่าจะเป็นฤดูหนึ่งฤดูใดก็ตาม ภาพของน้ำตกไนแองการ่าที่ไหลลงสู่ทะเลสาบออนตาริโอ เป็นผืนน้ำขนาดใหญ่ที่ดูเป็นแอ่งนิ่งและสงบอยู่ในแผ่นดินทางสหรัฐอเมริกา แต่ถัดมาที่มีลักษณะเป็นรูปเกือกม้าขนาดใหญ่กลับเป็นภาพของ กระแสน้ำที่หลั่งทะลักลงจากหน้าผาสูงเป็นแนวกว้าง กระโจนลงสู่พื้นเบื้องล่าง และเพราะแรงกระทบที่ตกลงไป ส่งผลให้เกิดละอองกระเซ็นสาดไปทั่วบริเวณ เมื่อกระทบกับแสงแดดที่สาดเข้าใส่ละอองเหล่านั้นจะปรากฏเป็นภาพของรุ้งกินน้ำ ประดับบริเวณน้ำตกอยู่ตลอดเวลา ส่วนความมหึมาของน้ำตกตรงจุดนี้เขาเรียกกันว่า “แคนาเดี่ยนฟอลส์” ส่วนบริเวณชั้นของน้ำตกส่วนล่างลงมา ซึ่งก็เป็นบริเวณที่เป็นชั้นน้ำตก ตกลงไปกระทบพื้นล่าง เป็นระดับแนวยาวขนานกันกับชั้นบนมามีชื่อเรียกว่า “อเมริกัน  ฟอลส์”
2. สะพานโกลเดนเกต ซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
สถานที่ตั้ง เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
สะพานโกลเดนเกต เป็นสะพานแขวนที่มีความยาวมากที่สุดในโลก ทอดข้ามอ่าวทางตอนเหนือ ของเมืองซานฟรานซิสโก สร้างเป็นแบบโครงแขวน ตัวสะพานแขวนประกอบด้วยหอคอยเหล็กสองข้างข้างละ 215 เมตร ( 746 ฟุต) ใช้ ลวดเคเบิลที่โยงทอดเป็นตัวดึงน้ำหนักสะพานมีขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 36 นิ้ว ข้างละ 2 เส้น รวม 4 เส้น ยาว 107,000 ไมล์ และยังมีเส้นลวดเล็ก ยึดสายโยงอีกรวม 27,572 เส้น มีช่วงกลางระหว่างตอม่อยาว 1.26 กิโลเมตร ส่วนริม 2 ฟาก ยาวข้างละ 34 เมตรสิรวมยาวทั้งหมดประมาณ 7 กิโลเมตรทมีส่วนกว้าง 27 เมตรธิเป็นสะพานแบบสะพานแขวนขนาดใหญ่ และยาวมากที่สุดสะพานแรกในยุคนั้น จนเป็นที่น่ามหัศจรรย์ของผู้ผ่านไปมาชัและพบเห็นยิ่งนัก ยและเป็นแบบอย่างในการออกแบบสร้างสะพานแขวนแบบใหญ่และยาวมากขึ้นไปอีกในโอกาสต่อๆมา

ไฟป่าเทือกเขาร็อกกี้กำลังคุกคามบ้านเรือนในรัฐไอดาโฮ

ช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาสหรัฐฯร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ 117 ปี โดยมีพื้นที่ 25 รัฐเผชิญสถานการณ์อุณหภูมิเฉลี่ยร้อนและแห้งแล้งมากที่สุด ส่วนรัฐโอไฮโอ คือรัฐที่อุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มสูงที่สุด ตามด้วยวิสคอนซิล ไอโอวาและมิสซูรี เขตภาคกลางด้านตะวันตกเผชิญความแห้งแล้งรุนแรงมากที่สุด ขณะเดียวกันก็เกิดไฟไหม้ป่าในพื้นที่ตอนเหนือเทือกเขาร็อกกี้ส์ ในรัฐไอดาโฮ ไวโอมิง และมอนทานา เสี่ยงไหม้บ้านเรือราษฎรหลายร้อยหลังคาเรือน

เกิดเหตุไฟป่าลุกลามอย่างรวดเร็วในทางตอนกลางของรัฐไอดาโฮในสหรัฐ ทำให้ต้องอพยพประชาชนจำนวน 2,250 ครัวเรือนใกล้เมืองท่องเที่ยวไฮลีย์และเค็ทชุม เนื่องจากนักดับเพลิงยังไม่อาจควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ ทำให้สถานเล่นสกีอย่างซัน แวลลีย์ตกอยู่ในอันตราย นายยีน แรมซีย์ นายอำเภอเขตเบลน กล่าวเรียกร้องให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในแถบชานเมืองไฮลีย์และเค็ทชุมรีบอพยพออกไปโดยด่วน อีกทั้งเขายังมีแผนขยายพื้นอพยพออกไปอีกหลายแห่ง รวมทั้งเขตพัฒนาชุมชนทางเหนือของเมืองเค็ทชุม ทั้งนี้ไฟป่าที่ลุกลามอย่างรวดเร็วได้เผาทำลายพื้นที่เพาะปลูกและป่าสนราว 230,000 ไร่ในเขตซอว์ทูธ แรนจ์ ทางตะวันตกของทางหลวงที่เชื่อมเมืองไฮลีย์ ซึ่งมีประชากรราว 8,000 คน กับเมืองเค็ทชุม และซันแวลลีย์ ที่อยู่ทางเหนือ

ไฟป่าในแถบเทือกเขาร็อกกี้กำลังคุกคามบ้านเรือนหลายร้อยหลังในรัฐไอดาโฮ ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงในรัฐวอชิงตันเร่งระดมดับไฟป่าหลายสิบจุดที่เกิดจากพายุฝนฟ้าคะนองแถบเทือกเขาแคสเคดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บแต่มีประชาชนหลายร้อยคนต้องไร้ที่อยู่อาศัยเพราะไฟป่า ขณะที่อีกหลายร้อยคนได้รับคำแนะนำให้เตรียมพร้อมในการอพยพ

ในช่วงที่ผ่านมาประชาชนกว่า 1,000 คนได้อพยพออกจากพื้นที่ทางใต้แถบชานเมืองเค็ทชุม ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านราคาแพงหลายหลังมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในเขตที่อยู่อาศัยดังกล่าวเป็นที่พักผ่อนของคนดังมีชื่อเสียงอย่างนายอาร์โนลด์ ชวาร์ซเนกเกอร์ อดีตผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียและดารารุ่นใหญ่ รวมทั้งนายทอม ครูซ พระเอกชั้นนำของวงการบันเทิงฮอลลีวู้ด อย่างไรก็ตามนักดับเพลิงหลายร้อยคนกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมไฟป่าไม่ให้ข้ามมายังถนนหลวงที่เชื่อมต่อเมือง 3 แห่ง สำหรับไฟป่าครั้งนี้มีชื่อว่า ”บีเวอร์ ครีก” มีสาเหตุมาจากฟ้าฝ่าทำให้เผาทำลายบ้านเรือนประชาชน ที่พักคนงาน และอาคารต่างๆอีก 6 หลัง

รอยเลื่อนแผ่นดินไหว ในไอดาโฮ เป็นเมืองท่องเที่ยว

นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยไอดาโฮได้ตรวจพบรอยเลื่อนเปลือกโลกที่ยังมีพลังในบริเวณตอนเหนือของเทือกเขาร็อกกี ซึ่งสามารถทำให้เกิดแผ่นดินระดับ 7.5 ได้ รอยเลื่อนในตอนกลางของมลรัฐไอดาโฮนี้ไม่ได้อยู่ในเขตประชากรหนาแน่น แต่หัวหน้าภาควิชาธรณีวิทยา เกลนน์ แทร็กเรย์ บอกว่า รอยแยกยาว 64 กม. ที่เชิงเขาซอว์ทูต ใกล้กับเมืองสแตนลีย์ที่ว่านี้ อาจทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้ในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้าแผ่นดินไหวระดับ 7.5 นับว่ารุนแรง สามารถสร้างความเสียหายได้เป็นบริเวณกว้างศูนย์กลางแผ่นดินไหวจะอยู่ใกล้กับเมืองสแตนลีย์ ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีอายุราว 100 ปีแล้ว บริเวณนี้จะมีความรุนแรงมากที่สุด และแรงสั่นสะเทือนระดับปานกลางจะแผ่จากซันแวลลีย์ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว ไปจนถึงบอยซี เมืองเอกของมลรัฐ ในทวีปอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ จากผลสำรวจสภาพธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยไอดาโฮในเมืองโมสโค สหรัฐอเมริกา ระบุว่ามี 5 รัฐสำคัญทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาที่เป็นจุดเสี่ยงของการเกิดแผ่นดินไหวขั้นรุนแรง ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย เนวาดา ยูทาห์ อะแลสกา และไอดาโฮ

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบรอยเลื่อนนี้โดยใช้เทคนิคการอ่านข้อมูลระยะไกล โดยอาศัยระบบเลเซอร์จากเครื่องบิน และได้เก็บข้อมูลโดยไปเก็บตัวอย่างดินตะกอนจากทะเลสาบเรดฟิชเอามาวิเคราะห์ ทะเลสาบนี้อยู่บนภูเขาซึ่งรอยเลื่อนพาดผ่าน เป็นแหล่งที่มีปลาแซลมอนชุกชุม นักวิจัยพบว่า รอยเลื่อนดังกล่าวเคยทำให้เกิดแผ่นดินไหวมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งหนึ่งเมื่อ 7,000 ปีก่อน และอีกครั้งเมื่อ 4,000 ปีก่อน ซึ่งแสดงว่ามีการเกิดแผ่นดินไหวในทุกๆ ช่วงเวลาหลายพันปี แทร็กเรย์บอกว่า เป็นเรื่องยากที่จะทำนายว่าเมื่อไหร่รอยเลื่อนจะมีการเคลื่อนตัว แต่เมื่อค้นพบรอยเลื่อนเช่นนี้แล้ว เมืองต่างๆ ก็ควรปรับปรุงมาตรฐานด้านการก่อสร้าง และมีแผนเตรียมพร้อมรับเหตุฉุกเฉิน มลรัฐไอดาโฮมีรอยเลื่อนหลายแนว แนวหนึ่งอยู่บนภูเขาที่สูงที่สุดของมลรัฐ ชื่อโบราห์ พีก ซึ่งเคยทำให้เกิดแผ่นดินไหวระดับ 6.9 เมื่อปี 2526 มีเด็กเสียชีวิต 2 คนที่เมืองแคลลิส บ้านเรือนในรัศมี 80 กม. พังถล่ม อีกแนวหนึ่งอยู่ตอนกลางของมลรัฐในแถบเทือกเขาบีเวอร์เฮด เลมฮี และลอสต์ริเวอร์ ขณะที่จอห์น รันเดิล ศาสตราจารย์ด้านธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย-เดวิส วิเคราะห์จากข้อมูลและสถิติแล้วพบว่า มีความเป็นไปได้ถึง 25% ที่ซาน ฟรานซิสโกจะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7 ริกเตอร์ หรือมากกว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า และยังมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวถึง 75% ในอีก 45 ปีต่อไป

สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและมีอากาศที่หนาวเย็นที่ไอดาโฮ สหรัฐอเมริกา

สหรัฐอเมริกา นับเป็นประเทศที่มีความหลากหลายในเรื่องของภูมิประเทศ

ไม่ว่าจะเป็นป่าดงดิบ ทะเลทราย ภูเขา ที่ราบสูง และที่ลุ่ม สหรัฐอเมริกามีผืนแผ่นดินใหญ่เพราะมีพื้นที่ของรัฐติดต่อกันถึง 48 รัฐ โดยมีรัฐอลาสก้า อยู่ทางตอนเหนือของประเทศแคนนาดา และรัฐฮาวายซึ่งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิค ห่างจากแผ่นดินใหญ่ถึง 3200 กิโลเมตรโดยประมาณ จากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตกใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ทิศเหนือติดกับประเทศแคนนาดา ทิศใต้ติดกับประเทศแม็กซิโกและอ่าวแม็กซิโก ทิศตะวันออกติดกับชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติค ทิศตะวันตกจรดชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค

สหรัฐอเมริกาเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของโลก และเป็นอภิมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวของโลกในยุคปัจจุบันทั้งในด้านการทหารและ เศรษฐกิจซึ่งรวมไปถึงในด้าน วิทยาศาสตร์ การศึกษา การกีฬา และบันเทิง ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศหนึ่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและมีอากาศที่หนาวเย็นจนทำให้บุคคลภายนอกประเทศนิยมไปเที่ยวกัน อีกทั้งยังเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่างๆมากมาย

แหล่งรวมของประชากรที่มาจากหลากหลายวัฒนธรรมที่หล่อหลอมรวมกัน

ชนพื้นเมืองดั้งเดิมคืออินเดียนแดง หลังจากนั้นชาวอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ เดินทางอพยพเข้ามาเพื่อแสวงหาโอกาส ปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกามีประชากรขาวผิวขาวประมาณกว่า 75 % นอกจากนี้ยังมีชาวผิวดำที่ถูกนำมาจากทวีปอาฟริกาในฐานะทาส แต่เดิมคนดำจะอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ แต่ปัจจุบันอาศัยกระจายอยู่ตามเมืองใหญ่ เช่น Washington D.C., Chicago โดยเฉพาะ New York ส่วนชาว Hispanic หรือพวกเชื้อสายสเปนซึ่งมีอยู่ประมาณ 13 % ยังมีชาวเอเชียหรือพวกเชื้อสายแถบหมู่เกาะแปซิฟิคประมาณ 4% รวมทั้งชนเชื้อสายญี่ปุ่นมากกว่า 1 ใน 3 อาศัยอยู่ใน Hawaii

วัฒนธรรมของประเทศสหรัฐอเมริกานั้น เริ่มต้นจากวัฒนธรรมของประเทศอังกฤษ และได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วจากการผสมผสานของวัฒนธรรมชาติสเปนและเม็กซิโก กำเนิดเป็นวัฒนธรรมคาวบอย จากการอพยพของหลากหลายเชื้อชาติเข้ามาตั้งรกรากในประเทศ โดยเริ่มจากทวีปยุโรปและอาฟริกา และต่อจากนั้นก็เป็นทวีปเอเชีย โดยรวมแล้วอารยธรรมตะวันตกของยุโรปนั้นมีผลต่อวัฒนธรรมของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างยิ่ง ได้แก่ เยอรมัน อังกฤษ ไอริช อิตาลี กรีก และยิว นอกจากนี้บรรพบุรุษของชนชาติอาฟริกันตะวันตกที่เคยตกเป็นทาสนั้น ก็ยังได้อนุรักษ์วัฒนธรรมของตนเองไว้ตั้งแต่สมัยแรกเริ่มของประเทศสหรัฐอเมริกา

การท่องเที่ยวของเมืองไอดาโฮเป็นแหล่งเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ

มลรัฐไอดาโฮมีเมืองหลวงของรัฐคือเมือง Boise ซึ่งเป็นเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจและเป็นที่ตั้งของบริษัทใหญ่หลายบริษัท เช่น Micron Technology Inc และ Hewlett-Packard เป็นต้น เมืองใหญ่รองลงมา ได้แก่ Idaho Falls ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ Idaho National Laboratory เมือง Nampa เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย Northwest Nazarene University เมือง Pocatello เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย Idaho State University และเมือง Meridian ซึ่งเป็นเมืองที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในไอดาโฮ เมืองสำคัญอื่นๆ เช่น เมือง Lewiston ซึ่งเป็นเมืองท่าหลักในการขนส่งสินค้านำเข้าและส่งออกทางทะเล นอกจากนี้ยังมี เมืองท่องเที่ยวสำคัญเช่น Coeur d’Alene เป็น Hub ท่องเที่ยวของไอดาโฮ เมือง Sun Valley เป็นเมืองที่มีการท่องเที่ยวตลอดทั้งปีและมีการแข่งขันสกีระดับโลก เมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเล่นสกีอื่นๆ เช่น Sandpoint ที่บริเวณ Schweitzer Mountain Ski Resort และ Lake Pend Oreille เมือง Kellogg ที่ Silver Mountain Ski Resort เมือง Driggsที่ Grand Targhee เมือง Island Park ซึ่งเป็นแหล่ง snowmobiling และสถานที่จับปลาสำคัญ

มูลค่าการใช้จ่ายในธุรกิจท่องเที่ยวที่ไอดาโฮแต่ละปีสูงถึง 3 พันล้านเหรียญฯ ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่ใหญ่และสำคัญเป็นอันดับ 3 ของรัฐและมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี ในปี 2008 มูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในประเทศที่เดินทางมายังไอดาโฮสูงถึง 2.7 พันล้านเหรียญฯและเมื่อรวมมูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างประเทศแล้วจึงมีมูลค่ามากกว่า 3 พันล้านเหรียญฯ

มูลค่าจากการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในส่วนของร้านอาหารประมาณ 654 ล้านเหรียญฯ (24.2%) ร้านค้าปลีก 674 ล้านเหรียญฯ (25%) ที่พักอาศัย 502 ล้านเหรียญฯ (19%) การเดินทาง/ขนส่ง 440 ล้านเหรียญฯ (16.3%) นันทนาการและสันทนาการ 355 ล้านเหรียญฯ (13.1%) และรายได้ของรัฐส่วนหนึ่งมาจากการเก็บภาษีห้องพัก 2% ไม่ว่าจะเป็นที่พักแบบใดก็ตาม สถิติในปี 2008 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกเกือบ 32 ล้านครั้ง โดยเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวเฉพาะช่วงกลางวันประมาณ 57% และพักค้างคืน 43% ซึ่งกลุ่มที่พักค้างคืนนั้นมาเพื่อการพักผ่อนประมาณ 84% ที่เหลือมาเพื่อธุรกิจ

 

อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนในรัฐไอดาโฮ

อุทยานแห่งชาติตั้งอยู่ในเขตติดต่อสามรัฐได้แก่ ไวโอมิง มอนแทนา และ ไอดาโฮ แต่พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในรัฐไวโอมิง เป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน ตั้งอยู่บนที่ราบสูงเยลโลว์สโตน (Yellowstone Plateau) อยู่ในระดับความสูง 8,000 ฟุต (2,400 เมตร) เหนือระดับน้ำทะเล อีกทั้งพื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานยังถูกล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาร็อคกี้ (Rocky Mountains) โดยจุดที่สูงที่สุดของอุทยานคือ อีเกิ้ล พีค (Eagle Peak ) คือ มีความสูงประมาณ 11,358 ฟุต หรือ 3,462 เมตร และจุดต่ำสุด คือ รีส ครีค (Reese Creek ) ซึ่งมีความสูงประมาณ 5,282 ฟุต หรือ1,610 เมตร

อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน เป็นอุทยานแห่งชาติที่นับว่ามีความหลายหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศเขตร้อนที่สมบูรณ์และที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เนื่องจากว่าพื้นส่วนใหญ่ของอุทยานนั้นประกอบไปด้วยที่ราบสูงและภูเขาสูงมีหน้าผาชัน และมีทะเลสาบเยลโลวสโตน์ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่ใหญ่และสูงสูงที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ

นอกจากนี้แล้ว อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนยังเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีบ่อน้ำพุร้อน ที่มีมากกว่า 10,000 แห่ง และ 250 แห่งเป็นบ่อน้ำพุร้อน(เป็นแมกมาใต้ดินที่พุ่งออกมา) และน้ำพุร้อนที่สำคัญคือ น้ำพุร้อนโอลด์ เฟธฟุล มีน้ำพุงออกมาทุกๆ 33 และ 93 นาที โดยไม่เปลี่ยนแปลงเลยในรอบ 100 ปี อีกทั้งยังมีน้ำตกกว่า 300 แห่งและสามารถค้นพบได้อีกมากมาย

สำหรับการท่องเที่ยวในเขต “อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน”นั้น สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆที่อยากแนะนำให้คุณไปชมเป็นที่แรก คือ แกรนด์ แคนยอน แห่งเยลโลว์สโตน (Grand Canyon of the Yellowstone) เป็นแคนยอนที่เกิดจากแม่น้ำเยลโลว์สโตน (Yellowstone River) ซึ่งมีต้นกำเนิดจากน้ำตกเยลโลว์สโตน (Yellowstone Falls)

เหล่าบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงที่สุดของอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน นั่นคือ โอลด์ เฟธฟูล เกย์เซอร์ (Old Faithful Geyser) ซึ่งประกอบไปด้วยบ่อน้ำพุร้อนเป็นจำนวนมาก ตื่นตาไปกับสายน้ำพุร้อนที่พุ่งสูงกว่า 100 ฟุต บางครั้งถึง 200 ฟุต ในแต่ละครั้งที่ระเบิดออกมาระยะเวลาห่างของการระเบิดพวยพุ่งของน้ำพุจะห่างกันตั้งแต่ 40 ถึง 120 นาที แต่โดยเฉลี่ยแล้วคือประมาณ 70 นาที

แมมมอธ ฮอตสปริง (Mammoth Hot Springs) บ่อน้ำพุร้อนอันสุดแสนสลับซับซ้อนที่ตั้งอยู่บนเนินเขา เป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีมานานนับพันปี ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้ชื่นชมในทัศนียภาพอันแปลกตาของแมมอธ ฮอตสปริง โดยเฉพาะภาพของต้นไม้ที่ตายยืนต้นตามชั้นหินที่เกิดจากการสะสมของแคลเซียมคาร์บอเนตแบบเข้มข้น ก่อเกิดเป็นทัศนียภาพอันงดงามมากแห่งหนึ่งในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน

แหล่งท่องเที่ยวมลรัฐไอดาโฮของสหรัฐอเมริกาและความสำคัญของเมือง

8

มลรัฐไอดาโฮถูกตั้งเป็นรัฐที่ 43 ของสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1890 ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐ พื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 14 ของประเทศ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา และเทือกเขาหิน ถูกล้อมด้วยรัฐต่างๆ 6 รัฐได้แก่ รัฐวอชิงตัน รัฐโอเรกอน รัฐเนวาดา รัฐยูทาห์ รัฐมนทานาและรัฐไวยมมิ่ง และมีพื้นที่ทางเหนือบางส่วน ติดกับชายแดนประเทศแคนาดา ที่เมือง British Columbia มีแม่น้ำสำคัญหลายสาย เช่น แม่น้ำ Snake River แม่น้ำ the Clark Fork หรือ Pend Oreille River แม่น้ำ Clearwater River แม่น้ำ Salmon River และแม่น้ำสายเล็กๆ อื่นๆ ไอดาโฮมีพอร์ตทางทะเลตั้งอยู่ที่เมือง Lewiston บริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำ Clearwater และ Snake River ซึ่งเป็นพอร์ตทางทะเลที่อยู่ไกลปากอ่าวที่สุด ไกลจากชายทะเลฝั่งตะวันตก ล่องตามแม่น้ำมาประมาณ 465 ไมล์โดยเรือสินค้าจะเดินทางผ่านเข้ามาจากโอเรกอนมูลค่าการใช้จ่ายในธุรกิจท่องเที่ยวที่ไอดาโฮแต่ละปีสูงถึง 3 พันล้านเหรียญฯ ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่ใหญ่และสำคัญเป็นอันดับ 3 ของรัฐและมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี ในปี 2008 มูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในประเทศที่เดินทางมายังไอดาโฮสูงถึง 2.7 พันล้านเหรียญฯและเมื่อรวมมูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างประเทศแล้วจึงมีมูลค่ามากกว่า 3 พันล้านเหรียญฯ

เมืองที่มีคนเดินทางเข้าออกมากที่สุด Boise, Idaho Falls/Pocatello, Twin Falls โดยมากอายุ 25-64 ปี ส่วนมากเป็นผู้มีรายได้ต่ำถึงปานกลาง นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวมีทุกกลุ่มตั้งแต่เด็กถึงผู้สูงอายุ มีการเที่ยวแบบครอบครัว เด็กรุ่นใหม่ที่ชอบการผจญภัยและประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบแปลกใหม่ ลักษณะการท่องเที่ยวที่ไอดาโฮ เช่น การเล่นสกีและสโนว์บอร์ด ซึ่งมีอยู่ 17 แห่ง การเล่นเลื่อนและขับรถบนหิมะ การเล่นกอล์ฟร่วมกับการเดินป่า กิจกรรมร่วมกับกลุ่มรถมอร์เตอร์ไซต์รูปแบบต่างๆ เช่น RV และ Harley-Davidson การท่องเที่ยวพร้อมกับการเป็นอาสาสมัครชั่วคราว ในท้องถิ่น การท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่ม เช่น เทศกาลแนะนำไวน์ การสร้างเครือข่ายกลุ่มเด็กเพื่อส่งเสริมกิจกรรมครอบครัว การเดินป่าตามแนวแม่น้ำและน้ำตก การจัดงานแต่งงาน ฉลองรับปริญญา กิจกรรมกลางแจ้งต่าง และเยี่ยมญาติ เป็นต้น

ธุรกิจท่องเที่ยวที่รัฐไอดาโฮ

มลรัฐไอดาโฮ เป็นหนึ่งในรัฐที่ตั้งอยู่ในบริเวณของเทือกเขาร๊อคกี้ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสหรัฐฯ มีเมืองหลวงชื่อ บอยซี (Boise) ขอบเขตดินแดนของรัฐฯ อยู่ติดกันกับรัฐมอนทานา, รัฐไวโอมิง (Wyoming), รัฐยูทาห์ (Utah), รัฐเนวาดา (Nevada), รัฐออเรกอน (Oregon) และรัฐวอชิงตัน (Washington) นอกจากนี้ยังมีอาณาเขตติดกันกับเมืองต่างๆในเขตประเทศแคนาดา รัฐบริติชโคลัมเบีย (British Columbia) อีกด้วย

รัฐไอดาโฮมีอาณาเขตพื้นที่ในทางภูมิศาสตร์เท่ากับ 83,570 ตารางไมล์ แบ่งเป็นพื้นที่ดินแดน82,747.21 ตารางไมล์ และอาณาเขตพืชพรรณป่าไม้เท่ากับ 21.6 ล้านเอเคอร์ (Acres) สภาพเศรษฐกิจของรัฐฯ พึ่งพาอยู่กับภาคเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ จากการประมาณการ นั้น 1 ใน 3 ของมันฝรั่งเพื่อใช้บริโภคในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นผลผลิตที่ได้มาจากรัฐไอดาโฮนี่เอง

เมืองที่มีคนเดินทางเข้าออกมากที่สุด Boise, Idaho Falls/Pocatello, Twin Falls โดยมากอายุ 25-64 ปี ส่วนมากเป็นผู้มีรายได้ต่ำถึงปานกลาง นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวมีทุกกลุ่มตั้งแต่เด็กถึงผู้สูงอายุ มีการเที่ยวแบบครอบครัว เด็กรุ่นใหม่ที่ชอบการผจญภัยและประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบแปลกใหม่ ลักษณะการท่องเที่ยวที่ไอดาโฮ เช่น การเล่นสกีและสโนว์บอร์ด ซึ่งมีอยู่ 17 แห่ง การเล่นเลื่อนและขับรถบนหิมะ การเล่นกอล์ฟร่วมกับการเดินป่า กิจกรรมร่วมกับกลุ่มรถมอร์เตอร์ไซต์รูปแบบต่างๆ เช่น RV และ Harley-Davidson การท่องเที่ยวพร้อมกับการเป็นอาสาสมัครชั่วคราว ในท้องถิ่น การท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่ม เช่น เทศกาลแนะนำไวน์ การสร้างเครือข่ายกลุ่มเด็กเพื่อส่งเสริมกิจกรรมครอบครัว การเดินป่าตามแนวแม่น้ำและน้ำตก การจัดงานแต่งงาน ฉลองรับปริญญา กิจกรรมกลางแจ้งต่าง และเยี่ยมญาติ เป็นต้น

สถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังของรัฐไอดาโฮ เช่น น้ำพุร้อนลาวา (Lava Hot Springs), ถ้ำคริสตัลลฟอลส์ (Crystal Falls Cave) และ Hells Canyon

ใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่จะพักผ่อนในวันหยุดอยู่ล่ะก็ ลองเอาข้อมูลเหล่านี้ไปพิจารณากันดูนะค่ะ อาจะเป็นสถานที่ที่หนึ่งที่ทำให้คุณและครอบครัวประทับใจก็เป็นได้ค่ะ

ไปเยือน “รัฐไอดาโฮ”ต้องไม่พลาดโอกาสไปเยือน “เมืองทวินฟอลส์”

หากคุณเป็นอีกคนที่มีโอกาสไปเยือน “รัฐไอดาโฮ” (Idaho) รัฐที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ “สหรัฐอเมริกา” (United States of America) ขอแนะนำว่าคุณต้องไม่พลาดโอกาสไปเยือน “เมืองทวินฟอลส์” (Twin Falls) เมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตภูมิภาคเมจิก วัลเล่ย์ (Magic Valley Region) อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการค้าในระดับภูมิภาคที่สำคัยมากแห่งหนึ่งของรัฐอีกด้วย

นอกจากนี้แล้ว เมืองทวินฟอลส์ยังเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามจำนวนหลายแห่ง โดยแห่งแรกที่คุณต้องไม่พลาดไปเยือน คือ สเน็ค ริเวอร์ แคนยอน (Snake River Canyon) เป็นแคนยอนขนาดใหญ่ที่เกิดจากแม่น้ำสเน็ค (Snake River) ในเมจิก วัลเล่ย์ ซึ่งมีสะพานเพอริน (Perrine Bridge) พาดผ่านแคนยอนและอยู่เหนือแม่น้ำสเน็คประมาณ 1,500 ฟุต (457 เมตร) โดยสะพานมีความยาวประมาณ 486 (148 เมตร)

หลังจากนั้นขอแนะนำให้คุณไปเยือน “อุทยานน้ำตกโชโชนิ” (Shoshone Falls Park) อุทยานน้ำตกที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากในปัจจุบัน น้ำตกที่ตั้งอยู่บนแม่น้ำสเน็ค แม่น้ำสายสำคัญของภูมิภาคเมจิก วัลเล่ย์ โดยอยู่ห่างจากเมืองทวินฟอลส์ไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 5 กิโลเมตร

น้ำตกโชโชนิ (Shoshone Falls) ในบางครั้งน้ำตกแห่งนี้มักถูกเรียกว่า “น้ำตกไนแองการ่าตะวันตก” (Niagara of the West) โดยน้ำตกมีความสูงประมาณ 212 ฟุต (64.7 เมตร) ซึ่งสูงกว่าน้ำตกไนแองการ่า 45 ฟุต (14 เมตร) มีความกว้างประมาณ 1,000 ฟุต (305 เมตร) น้ำตกจะมีความสวยงามากที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ผลิ